
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 ต.ค.68 ที่โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ จังหวัดนนทบุรี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาด้านการศึกษาในจังหวัดนนทบุรี รวมถึงพบปะประชาชนในพื้นที่ พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่กลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย


ร.อ.ธรรมนัส และ ศ.ดร.นฤมล ได้รับฟังปัญหาด้านการศึกษาจากโรงเรียนในจังหวัดนนทบุรีทั้ง 6 แห่ง พร้อมกล่าวว่า ครูคือกำลังสำคัญในการสร้างอนาคตของชาติ แต่ในปัจจุบันต้องเผชิญภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งค่าน้ำมัน ค่ารถ ค่าเดินทาง รวมถึงหนี้สินในครัวเรือน ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจและการปฏิบัติหน้าที่โดยตรง สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือ การสร้างสวัสดิการครูให้มั่นคงและเพียงพอ ทั้งในด้านที่อยู่อาศัยและสภาพความเป็นอยู่ เพื่อให้ครูสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี และมีสมาธิในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ลูกศิษย์อย่างเต็มที่

“ผมอยากให้ทุกคนได้ไปดูจริง ๆ ว่าครูอยู่กันอย่างไร บ้านพักครูบางแห่งทรุดโทรมมาก ซ่อมไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์สินของหลวง องค์กรการกุศลก็เข้าไปช่วยไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ต้องแก้เชิงระบบ ให้ครูมีบ้านที่อยู่ได้ มีสวัสดิการที่มั่นคง เพราะครูคือพ่อแม่คนที่สองของลูกหลานเรา” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ด้าน ศ.ดร.นฤมล กล่าวเสริมว่า กระทรวงศึกษาธิการกำลังเร่งเดินหน้านโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตครูควบคู่กับการพัฒนาการศึกษาในระดับพื้นที่ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหลายกระทรวง เพื่อให้ครูมีขวัญกำลังใจ มีสวัสดิการที่ดี ก็จะสามารถทุ่มเทดูแลเด็กได้เต็มที่ เด็กก็จะเรียนดีขึ้น ครอบครัวเข้มแข็งขึ้น และชุมชนก็เติบโตไปพร้อมกัน

หลังจากรับฟังข้อมูลปัญหาและข้อเสนอแนะจากคณะครู ผู้บริหารโรงเรียน และภาคประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการศึกษาของโรงเรียนในพื้นที่ ร.อ.ธรรมนัส และ ศ.ดร.นฤมล ได้ออกจากห้องประชุมเพื่อพบปะกับประชาชนที่มารอต้อนรับบริเวณด้านหน้าโรงเรียน โดยมีประชาชนกว่า 1,000 คน มารอตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00 น.

บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและอบอุ่น ประชาชนต่างพากันปรบมือ แสดงความยินดี และถ่ายภาพเก็บบรรยากาศแห่งความประทับใจ


ภายหลังการพบปะประชาชน ร.อ.ธรรมนัส ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัย และให้กำลังใจแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ปลายน้ำที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเหนือ ทั้งจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน รวมถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งทำให้น้ำไหลหลากลงมาสู่พื้นที่ลุ่มภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดปทุมธานีและนนทบุรี

“ปีนี้สถานการณ์น้ำท่วมค่อนข้างรุนแรงและต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จนถึงขณะนี้ หลายพื้นที่ยังคงได้รับผลกระทบ แต่จากการประเมินแนวโน้ม พบว่าน้ำจากทางเหนือจะเริ่มลดลงแล้ว อย่างไรก็ตาม เราได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูหนาว พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีศักยภาพในการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำอย่างเต็มที่” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

สำหรับปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดปทุมธานี ร.อ.ธรรมนัส อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นผลมาจากน้ำทะเลหนุน ซึ่งไปผสมกับน้ำที่ระบายลงมาจากเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้บางพื้นที่เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่ง เบื้องต้นได้สั่งการให้เร่งซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายโดยเร็วที่สุด และเตรียมมาตรการฟื้นฟูในระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน


ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ในภาคใต้ว่า อาจต้องเฝ้าระวังเพิ่มเติม เนื่องจากมีพายุเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ทางภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรไปจนถึงนราธิวาส ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยรัฐบาลได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติในทุกภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้

“สถานการณ์น้ำในประเทศไทยเป็นปัญหาวนเวียนทุกปี แต่เราจะไม่ปล่อยให้ประชาชนเผชิญความเดือดร้อนเพียงลำพัง รัฐบาลพร้อมดูแลอย่างเต็มที่ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าวทิ้งท้าย


#กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #ร้อยเอกธรรมนัสพรหมเผ่า #กล้าธรรม #กล้าทำ #มหานครนิวส์
Photo : #Boyนาคราช

